เหตุการณ์คนขับรถเมล์และพนักงานทำร้ายพนักงานส่งของ (shipper) กลางใจเมืองโฮจิมินห์ ได้สร้างความตกตะลึงให้กับสาธารณชนและจุดประกายเตือนภัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมการจราจร รวมถึงพฤติกรรมของคนขับรถเมล์บางส่วนในปัจจุบัน หน่วยงานตำรวจได้เข้าตรวจสอบอย่างรวดเร็วและดำเนินการจับกุมผู้เกี่ยวข้อง 3 รายอย่างเร่งด่วน เพื่อสอบสวนข้อหาก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ตำรวจเขต 3 ได้ทำการจับกุมนายหวอ แทง บัง (61 ปี คนขับรถเมล์), นายฝ่าม ซุย เนียน (20 ปี พนักงานรถเมล์) และนายเล มินห์ เฮียน (37 ปี พนักงานส่งของ) อย่างเร่งด่วน เพื่อชี้แจงพฤติกรรมของแต่ละคนในเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากอุบัติเหตุทางจราจรเล็กน้อย แต่กลับบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ส่งผลเสียต่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ใจกลางเมือง
สาเหตุของเหตุการณ์: รถเมล์เบียดเลนและการตอบสนองของพนักงานส่งของ
จากคำให้การของพนักงานส่งของ เล มินห์ เฮียน เมื่อเวลาประมาณ 13:30 น. ของวันที่ 10 ธันวาคม ขณะที่เขากำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนหวอ วัน เติ๋น เขต 3 รถเมล์สาย 14 ได้เบียดเลน บีบรถของเขาเข้าข้างทาง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รถจักรยานยนต์ของเฮียนเสียหลัก เกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุ ด้วยความไม่พอใจต่อพฤติกรรมนี้ เฮียนได้ขับรถตามรถเมล์และขวางหน้ารถเพื่อพูดคุยกับคนขับ
ณ ที่นี้ การโต้เถียงกันนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง เฮียนได้ทุบไปที่ประตูรถเมล์เพื่อแสดงความไม่พอใจ แทนที่จะแก้ไขสถานการณ์อย่างใจเย็น คนขับรถเมล์ หวอ แทง บัง กลับตอบสนองอย่างเกินควร ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
คนขับรถเมล์ใช้อาวุธ พนักงานรถเมล์ทำร้ายพนักงานส่งของ
คนขับรถเมล์ หวอ แทง บัง ได้ลงจากรถพร้อมกับท่อนเหล็กสีดำในมือ ในขณะเดียวกัน พนักงานรถเมล์ ฝ่าม ซุย เนียน ก็ตรงเข้าทำร้ายพนักงานส่งของ เล มินห์ เฮียน เนียนใช้เท้าเตะไปที่หลังของเฮียน ทำให้เขาล้มลงกับพื้น แม้ว่าจะมีประชาชนเข้ามาห้ามปราม แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงเข้าทำร้ายกัน
จุดสูงสุดของเหตุการณ์คือตอนที่บังใช้ท่อนเหล็กตีไปที่ตัวของเฮียน เฮียนวิ่งหนีและหยิบก้อนอิฐเพื่อจะตอบโต้ แต่ก็ถูกเนียนจับล้มลง เหตุทะเลาะวิวาทจบลงเมื่อมีการแทรกแซงอย่างเด็ดขาดจากผู้คนรอบข้าง
ภาพคนขับรถเมล์หวอ แทง บัง ที่สถานีตำรวจหลังจากถูกจับกุมอย่างเร่งด่วนเพื่อสอบสวนข้อหาก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะ
ดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องปราม
เหตุการณ์เกิดขึ้นในบริเวณใจกลางเมือง ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง สร้างความสนใจและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเมือง หน่วยงานตำรวจเขต 3 ได้เข้าตรวจสอบอย่างรวดเร็วและระบุว่าพฤติกรรมของผู้กระทำผิดเป็นการก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะ แม้ว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะมีหนังสือปฏิเสธการตรวจพิสูจน์บาดแผลและไม่เรียกร้องให้ดำเนินคดีอาญา แต่เมื่อพิจารณาถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์ ตำรวจยังคงตัดสินใจจับกุมทั้ง 3 คนอย่างเร่งด่วนเพื่อสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่การทะเลาะวิวาทธรรมดา แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพที่เป็นจริงที่น่ากังวลเกี่ยวกับวัฒนธรรมการจราจรและการตอบสนองที่ขาดการควบคุมของคนขับรถเมล์บางส่วน พฤติกรรมการเบียดเลน บีบรถ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อาวุธทำร้ายผู้อื่นของคนขับรถเมล์ หวอ แทง บัง เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นี่เป็นบทเรียนราคาแพงที่แสดงให้เห็นว่าความโกรธ การขาดการควบคุมตนเองในการเข้าร่วมการจราจร สามารถนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงในด้านกฎหมาย
สรุป:
เหตุการณ์ “คนขับรถเมล์ชนคนขับรถบรรทุก” (ในกรณีนี้คือพนักงานส่งของ) เป็นสัญญาณเตือนถึงสภาพการจราจรในเมืองและวัฒนธรรมการตอบสนองบนท้องถนน แม้ว่าคำหลักจะกล่าวถึง “คนขับรถบรรทุก” แต่เหตุการณ์นี้ยังเกี่ยวข้องกับปัญหาที่กว้างกว่าเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยานพาหนะต่างๆ รวมถึงรถเมล์และยานพาหนะขนส่งอื่นๆ การดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่รุนแรง เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มั่นใจในความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยทางสังคม และสร้างสภาพแวดล้อมการจราจรที่สุภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น
