ในคืนวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 ประเทศฝรั่งเศสตกอยู่ในความเศร้าโศกหลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายด้วยรถบรรทุกอันน่าสยดสยองในเมืองนีซ คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 80 ราย และทำให้ผู้คนอีกหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส เปลี่ยนวันแห่งความสุขให้กลายเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าสะพรึงกลัว
เหตุการณ์วินาศกรรมรถบรรทุกในเมืองนีซ
การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อรถบรรทุกขนาด 19 ตันพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังชมดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองวันชาติบนถนน Promenade des Anglais ซึ่งเป็นถนนเลียบชายหาดที่มีชื่อเสียงในเมืองนีซ รถบรรทุกวิ่งด้วยความเร็วสูง เลี้ยวไปเลี้ยวมาเป็นระยะทางยาวประมาณ 2 กม. ชนผู้คนไปหลายร้อยคนก่อนที่จะถูกตำรวจยิงเสียชีวิต
ภาพเหตุการณ์สยดสยอง ณ ที่เกิดเหตุ:
ภาพที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายและเศษซากต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่บนถนน Promenade des Anglais ในเมืองนีซ หลังเกิดเหตุวินาศกรรมรถบรรทุก
ผู้ก่อเหตุถูกระบุว่าเป็นชายอายุ 31 ปี ถือสองสัญชาติ ตูนิเซียและฝรั่งเศส เขาเกิดที่ตูนิเซียและมีประวัติอาชญากรรมทั่วไป แต่ไม่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังของหน่วยข่าวกรอง ในรถบรรทุก ตำรวจพบอาวุธจำนวนมาก รวมถึงปืนและระเบิดมือ
ผลกระทบและปฏิกิริยาของรัฐบาล
การโจมตีดังกล่าวทำให้เกิดกระแสความโกรธแค้นและความตกตะลึงไปทั่วโลก ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ได้ประณามการกระทำของผู้ก่อการร้ายที่โหดร้ายนี้อย่างรุนแรง และประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศออกไปอีก 3 เดือน เขายังให้คำมั่นว่าจะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและผลักดันสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในอิรักและซีเรีย
ผู้เสียชีวิต:
ภาพที่แสดงให้เห็นถึงการไว้อาลัยและให้กำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวินาศกรรมที่เมืองนีซ
การไว้ทุกข์ทั่วประเทศ: รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต หลายประเทศทั่วโลกได้แสดงความเสียใจและประณามการโจมตี
วินาศกรรมรถบรรทุกในเมืองนีซ: ความเจ็บปวดและบทเรียนแห่งความระมัดระวัง
วินาศกรรมรถบรรทุกในเมืองนีซเป็นหนึ่งในการโจมตีที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ไม่เพียงแต่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปหลายสิบคนเท่านั้น แต่ยังทิ้งความเจ็บปวดและความหวาดกลัวไว้ในใจของผู้คนอย่างลึกซึ้ง เหตุการณ์นี้เป็นอีกครั้งที่ส่งสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามจากการก่อการร้ายทั่วโลก และความจำเป็นในการกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านภัยอันตรายนี้ โศกนาฏกรรมในเมืองนีซยังก่อให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยและความสามารถในการป้องกันการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานสาธารณะขนาดใหญ่