ปัจจุบัน เจ้าของรถบรรทุกจำนวนมากยังคงสงสัยเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกเมื่อทำการซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้มั่นใจในสิทธิประโยชน์ทางกฎหมายของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย บทความนี้จาก Xe Tải Mỹ Đình จะให้ข้อมูลรายละเอียดและครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก ช่วยให้คุณดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
I. ทำไมต้องโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก?
การโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกไม่ได้เป็นเพียงขั้นตอนการบริหารเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่เจ้าของรถอีกด้วย นี่คือเหตุผลหลักที่คุณต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก:
- ความสะดวกในการทำธุรกรรมทางกฎหมาย: เมื่อรถบรรทุกได้รับการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คุณจะสามารถทำธุรกรรมทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนี้ได้อย่างง่ายดาย เช่น สัญญากู้ยืม จำนอง การซื้อขาย การให้ การสืบทอด… โดยไม่มีอุปสรรคทางกฎหมาย
- หลีกเลี่ยงค่าปรับย้อนหลังและปัญหาทางกฎหมาย: ตามพระราชกฤษฎีกา 100/2019/NĐ-CP การไม่โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หลังจากการโอนกรรมสิทธิ์อาจทำให้เจ้าของเดิมยังคงต้องรับผิดชอบทางกฎหมายและค่าปรับย้อนหลังที่เกิดจากรถ การโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความยุ่งยากเหล่านี้และมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ถูกปรับอย่างไม่เป็นธรรมเนื่องจากการกระทำของเจ้าของใหม่ ค่าปรับสำหรับการไม่โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์อาจอยู่ที่ 2-4 ล้านดองสำหรับบุคคลทั่วไป และ 4-8 ล้านดองสำหรับองค์กรและธุรกิจ
- สนับสนุนหน่วยงานราชการ: ในกรณีที่รถบรรทุกถูกขโมยหรือเกี่ยวข้องกับคดีทางกฎหมาย การโอนกรรมสิทธิ์ช่วยให้หน่วยงานราชการสามารถระบุเจ้าของตามกฎหมายและติดต่อเพื่อสอบสวนและแก้ไขได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถบรรทุก ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มักจะวิ่งในระยะทางไกลและมีความเสี่ยงมากมาย
- การจัดการและการติดตามความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเจ้าของรถบรรทุกช่วยให้หน่วยงานราชการจัดการยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังง่ายต่อการติดตามความรับผิดชอบเมื่อผู้ขับขี่รถยนต์ก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือละเมิดกฎจราจร สิ่งนี้มีส่วนช่วยในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในการจราจรและสิทธิของชุมชน
เหตุผลที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกเมื่อมีการโอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย
II. เอกสารและหลักฐานที่จำเป็นเมื่อโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
เพื่อให้ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกเป็นไปอย่างราบรื่น คุณต้องเตรียมเอกสารและหลักฐานให้ครบถ้วนตามข้อกำหนด ด้านล่างนี้คือรายการเอกสารที่จำเป็น ตามหนังสือเวียน 58/2020/TT-BCA:
เอกสารที่ต้องเตรียม:
- ทะเบียนรถบรรทุก: ต้นฉบับ ตามแบบฟอร์มที่กำหนด
- สมุดตรวจสภาพรถบรรทุก: ต้นฉบับที่ยังมีผลบังคับใช้
- ประกันภัยรถบรรทุก (ถ้ามี): ไม่บังคับ แต่ควรมีเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับสิทธิประโยชน์เมื่อเกิดเหตุการณ์
- เอกสารประจำตัวของฝั่งผู้ขายและผู้ซื้อ:
- สำหรับบุคคลทั่วไป: บัตรประจำตัวประชาชน (CMND) หรือบัตรประจำตัวประชาชน (CCCD) และสำเนาทะเบียนบ้าน (ต้นฉบับหรือสำเนาที่รับรอง)
- สำหรับองค์กรและธุรกิจ: ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ, การตัดสินใจจัดตั้ง (สำเนาที่รับรอง) และ CMND/CCCD ของผู้แทนทางกฎหมาย
- เอกสารยืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของรถ: สัญญาซื้อขายรถบรรทุก (มีการรับรองเอกสารหรือรับรอง), เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์, การให้ (ถ้ามี)
- หนังสือปลดจำนองจากธนาคาร (ถ้ารถบรรทุกอยู่ภายใต้การจำนอง): ยืนยันว่าได้ชำระภาระผูกพันทางการเงินกับธนาคารแล้วและได้รับการปลดจำนอง
- แบบฟอร์มค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน: ตามแบบฟอร์มของหน่วยงานภาษี
หมายเหตุ:
- ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและข้อกำหนดของท้องถิ่น อาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม คุณควรติดต่อหน่วยงานทะเบียนรถก่อนเพื่อขอคำแนะนำโดยละเอียด
- เอกสารต้องยังมีผลบังคับใช้และข้อมูลต้องถูกต้องและตรงกัน
รายการเอกสารและหลักฐานที่จำเป็นเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
III. ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกโดยละเอียดตามข้อกำหนด
ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการโอนกรรมสิทธิ์ในจังหวัด/เมืองเดียวกันหรือต่างจังหวัด ด้านล่างนี้เป็นคำแนะนำโดยละเอียดสำหรับแต่ละกรณี:
1. ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกในจังหวัด/เมืองเดียวกัน
หากผู้ขายและผู้ซื้อรถบรรทุกมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัด/เมืองเดียวกัน ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์จะง่ายกว่าและรวมถึงขั้นตอนต่อไปนี้:
ขั้นตอนที่ 1: รับรองสัญญาซื้อขายรถบรรทุก
- ทั้งสองฝ่าย (ผู้ขายและผู้ซื้อ) ไปที่สำนักงานรับรองเอกสารเพื่อจัดทำและรับรองสัญญาซื้อขายรถบรรทุก
- เตรียมเอกสารประจำตัวและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรถบรรทุกให้ครบถ้วน
- สำนักงานรับรองเอกสารจะยืนยันความถูกต้องตามกฎหมายของสัญญา
ขั้นตอนที่ 2: ชำระภาษีการจดทะเบียน
- ผู้ซื้อรถบรรทุกไปที่กรมสรรพากรประจำอำเภอ/เขตที่พำนักเพื่อยื่นแบบฟอร์มค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- หน่วยงานภาษีจะคำนวณและแจ้งจำนวนเงินภาษีการจดทะเบียนที่ต้องชำระ
- ชำระภาษีการจดทะเบียนที่ธนาคารหรือคลังของรัฐและเก็บใบเสร็จการชำระภาษีไว้
ขั้นตอนที่ 3: ยื่นเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่สถานีตำรวจ
- ไปที่สำนักงานตำรวจจราจร (CSGT) ของตำรวจจังหวัด/เมืองหรือจุดทะเบียนรถที่ได้รับมอบอำนาจเพื่อยื่นเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
- เอกสารประกอบด้วย: ทะเบียนรถ (ต้นฉบับ), สมุดตรวจสภาพรถ (ต้นฉบับ), สัญญาซื้อขายรถที่รับรองแล้ว, เอกสารประจำตัวของผู้ซื้อ, ใบเสร็จชำระภาษีการจดทะเบียน
ขั้นตอนที่ 4: ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
- ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามข้อกำหนดที่สถานีตำรวจ
ขั้นตอนที่ 5: รับใบนัดหมายและหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถใหม่
- เจ้าหน้าที่ที่รับเอกสารจะตรวจสอบและออกใบนัดหมายการคืนผล
- ในวันที่นัดหมาย นำใบนัดหมายและใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมเพื่อรับหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถบรรทุกในชื่อเจ้าของใหม่
- ทะเบียนรถมักจะยังคงเดิมหากโอนกรรมสิทธิ์ในจังหวัดเดียวกัน
2. ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกต่างจังหวัด/เมือง
ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกต่างจังหวัดมีความซับซ้อนกว่าเล็กน้อย ต้องมีขั้นตอนการถอนเอกสารต้นฉบับเพิ่มเติม กระบวนการประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:
ขั้นตอนที่ 1: รับรองสัญญาซื้อขายรถบรรทุก (เช่นเดียวกับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ในจังหวัดเดียวกัน)
ขั้นตอนที่ 2: ชำระภาษีการจดทะเบียน (เช่นเดียวกับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ในจังหวัดเดียวกัน ชำระที่ที่อยู่ของผู้ซื้อ)
ขั้นตอนที่ 3: ถอนเอกสารต้นฉบับรถบรรทุก
- ผู้ขายรถบรรทุกไปที่สำนักงานตำรวจจราจรของตำรวจจังหวัด/เมืองที่ได้จดทะเบียนรถไว้ก่อนหน้านี้เพื่อดำเนินการถอนเอกสารต้นฉบับ
- เอกสารการถอนต้นฉบับประกอบด้วย: ทะเบียนรถ (ต้นฉบับ), สมุดตรวจสภาพรถ (ต้นฉบับ), CMND/CCCD ของผู้ขาย, หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- สถานีตำรวจจะตรวจสอบรถและดำเนินการถอนเอกสารต้นฉบับคืนให้ผู้ขาย
ขั้นตอนที่ 4: ยื่นเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียนรถใหม่
- ผู้ซื้อรถบรรทุกนำเอกสารต้นฉบับที่ถอนออกมาแล้ว เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ (เช่นเดียวกับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ในจังหวัดเดียวกัน) ไปที่สำนักงานตำรวจจราจรของตำรวจจังหวัด/เมืองที่พำนักเพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียนรถใหม่
- สถานีตำรวจจะตรวจสอบเอกสาร ขูดหมายเลขตัวถัง หมายเลขเครื่องยนต์ และดำเนินการจดทะเบียนรถ
ขั้นตอนที่ 5: ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถและรับทะเบียนใหม่ ใบนัดหมาย
- ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถใหม่และรับทะเบียนรถบรรทุกใหม่ (ถ้าเปลี่ยนทะเบียนจังหวัด)
- รับใบนัดหมายการคืนผลการจดทะเบียนรถ
ขั้นตอนที่ 6: รับหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถใหม่
- ในวันที่นัดหมาย นำใบนัดหมายและใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมเพื่อรับหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถบรรทุกในชื่อเจ้าของใหม่
- ดำเนินการตรวจสภาพรถบรรทุกอีกครั้งด้วยทะเบียนใหม่ (ถ้าจำเป็น)
ขั้นตอนการดำเนินการตามขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
3. ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกจากบริษัทไปยังบุคคล/บริษัทอื่น
ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกจากบริษัทไปยังบุคคลหรือบริษัทอื่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องเอกสารเนื่องจากเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลของบริษัท
เอกสารฝั่งผู้ขาย (บริษัท):
- ทะเบียนรถและสมุดตรวจสภาพรถบรรทุก
- ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของบริษัท (สำเนาที่รับรอง)
- บันทึกการประชุมคณะกรรมการบริษัท/คณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการชำระบัญชีหรือขายรถยนต์ (หากเป็นบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดที่มีสมาชิกตั้งแต่สองคนขึ้นไป)
- การตัดสินใจชำระบัญชี/ขายรถบรรทุกที่ได้รับการรับรองเอกสารหรือรับรอง (ถ้ามี)
- สัญญาซื้อขายรถบรรทุก
- ใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่บริษัทออกตามมูลค่าสัญญา
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนตัวอย่างตราประทับของบริษัท
- ประกาศการเปลี่ยนแปลงชื่อ/ที่อยู่/ตัวอย่างตราประทับ…ของบริษัท (ถ้ามี)
เอกสารฝั่งผู้ซื้อ (บุคคลหรือบริษัท):
- สำหรับบุคคลทั่วไป: CMND/CCCD, สำเนาทะเบียนบ้าน, ทะเบียนสมรสหรือหนังสือรับรองสถานภาพการสมรส
- สำหรับบริษัท: ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (สำเนาที่รับรอง), CMND/CCCD ของผู้แทนทางกฎหมาย
ขั้นตอนการดำเนินการ:
- เช่นเดียวกับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกต่างจังหวัด บริษัทที่ขายจะต้องดำเนินการถอนเอกสารต้นฉบับ ณ สถานที่จดทะเบียนรถเดิม
- ผู้ซื้อ (บุคคล/บริษัท) ดำเนินการตามขั้นตอนการชำระภาษีการจดทะเบียนและจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่สถานีตำรวจในสถานที่พำนัก/ตั้งสำนักงาน
IV. ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก คุณต้องเตรียมค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้:
-
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน:
- คำนวณตามมูลค่าคงเหลือของรถบรรทุกและอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อกำหนดของท้องถิ่น (โดยปกติคือ 2% ของมูลค่ารถที่ใช้แล้ว)
- มูลค่ารถเก่าจะถูกกำหนดตามระยะเวลาการใช้งานและอัตราส่วนร้อยละของมูลค่ารถใหม่ประเภทเดียวกัน ตัวอย่าง: รถยนต์ที่ใช้งาน 1-3 ปี: 70% ของมูลค่ารถใหม่; 3-6 ปี: 50%; 6-10 ปี: 30%; มากกว่า 10 ปี: 20%
-
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์:
- ตามหนังสือเวียน 53/2015/TT-BTC ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ (รวมถึงการออกทะเบียนใหม่ถ้ามี) จะแตกต่างกันไปตามพื้นที่และประเภทยานพาหนะ
- ในฮานอยและโฮจิมินห์ซิตี้ ค่าธรรมเนียมการออกทะเบียนใหม่คือ 150,000 – 500,000 ดอง จังหวัดและเมืองอื่น ๆ มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า
- หากโอนกรรมสิทธิ์และเก็บทะเบียนเดิมไว้ (ในจังหวัดเดียวกัน) ค่าธรรมเนียมมักจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ดองเท่านั้น
-
ค่าธรรมเนียมการรับรองสัญญาซื้อขายรถยนต์:
- คำนวณตามเปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารถ ขึ้นอยู่กับตารางค่าธรรมเนียมของแต่ละสำนักงานรับรองเอกสาร
-
ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบทางศุลกากร (ถ้ารถบรรทุกนำเข้า):
- ใช้เฉพาะกับรถบรรทุกนำเข้า ประมาณ 1 ล้านดอง/คัน
หมายเหตุ: ค่าธรรมเนียมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายและข้อกำหนดของแต่ละท้องถิ่น คุณควรปรับปรุงข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานราชการก่อนดำเนินการตามขั้นตอน
สรุปประเภทค่าใช้จ่ายเมื่อจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
สรุป:
บทความข้างต้นจาก Xe Tải Mỹ Đình ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก ตั้งแต่เหตุผลที่จำเป็น เอกสาร ขั้นตอนการดำเนินการ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง การทำความเข้าใจขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุกเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องสิทธิประโยชน์และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมายเมื่อซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก
หากคุณมีความต้องการซื้อขายรถบรรทุกหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ โปรดติดต่อ Xe Tải Mỹ Đình ทันทีเพื่อรับการสนับสนุนที่ดีที่สุด เราพร้อมที่จะร่วมเดินทางไปกับคุณในทุกการเดินทาง!
ติดต่อ Xe Tải Mỹ Đình:
- สายด่วนให้คำปรึกษา: 1800 1524 – 0916 001 524
- อีเมล CSKH: [email protected]
>>> ดูเพิ่มเติม:
Tag: [ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก], [โอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก], [เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก], [ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก], [เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์รถบรรทุก]
สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xe Tải Mỹ Đình ได้ที่: