เพื่อให้รถบรรทุกของคุณมีคุณสมบัติเข้าร่วมการจราจรอย่างถูกกฎหมาย การตรวจสภาพรถบรรทุก เป็นระยะเป็นข้อกำหนดบังคับตามกฎหมายของประเทศไทย บทความนี้จาก Xe Tải Mỹ Đình จะให้ข้อมูลรายละเอียดและครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการ ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสภาพรถบรรทุก เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้รถทำงานได้อย่างราบรื่นและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
ตารางแสดงระยะเวลาการตรวจสภาพรถบรรทุก
ทำไมต้องตรวจสภาพรถบรรทุก?
การตรวจสภาพรถบรรทุก ไม่ใช่แค่ขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ยังเป็นมาตรการประกันความปลอดภัยสำหรับตัวคุณเองและสังคม วัตถุประสงค์หลักของการตรวจสภาพรถคือ:
- เพื่อให้แน่ใจว่ารถได้มาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิค: ตรวจสอบชิ้นส่วนสำคัญของรถ เช่น ระบบเบรก ระบบบังคับเลี้ยว ไฟ สัญญาณแตร ยาง… เพื่อให้แน่ใจว่าชิ้นส่วนเหล่านั้นทำงานได้ดี ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากความผิดพลาดทางเทคนิค
- เพื่อให้แน่ใจว่ารถได้มาตรฐานการปกป้องสิ่งแวดล้อม: ตรวจสอบการปล่อยก๊าซ เสียงดัง… เพื่อให้แน่ใจว่ารถไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมเกินกว่าระดับที่อนุญาต
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย: รถบรรทุกที่ไม่มีใบรับรองการตรวจสภาพรถ หรือหมดอายุ จะถือว่าละเมิดกฎหมายและอาจถูกลงโทษ
- เพิ่มอายุการใช้งานของรถ: กระบวนการตรวจสภาพรถช่วยตรวจจับความเสียหายที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่มาตรการบำรุงรักษา ซ่อมแซมได้ทันท่วงที ยืดอายุการใช้งานของรถ
ระยะเวลาการตรวจสภาพรถบรรทุกตามระยะ
ระยะเวลาการตรวจสภาพรถบรรทุก ตามระยะขึ้นอยู่กับประเภทยานพาหนะ ปีที่ผลิต และวัตถุประสงค์การใช้งาน ด้านล่างนี้คือกฎระเบียบปัจจุบันเกี่ยวกับวงจรการตรวจสภาพรถบรรทุก:
- รถบรรทุก รถยนต์ใช้งานเฉพาะกิจ รถหัวลากที่ผลิตน้อยกว่า 7 ปี:
- ครั้งแรก: 24 เดือน
- ครั้งต่อไป: 12 เดือน
- รถบรรทุก รถยนต์ใช้งานเฉพาะกิจ รถหัวลากที่ผลิตมากกว่า 7 ปี: รอบการตรวจสภาพรถคือ 6 เดือน/ครั้ง
- รถพ่วง รถกึ่งพ่วงที่ผลิตน้อยกว่า 12 ปี:
- ครั้งแรก: 24 เดือน
- ครั้งต่อไป: 12 เดือน
- รถพ่วง รถกึ่งพ่วงที่ผลิตมากกว่า 12 ปี: รอบการตรวจสภาพรถคือ 6 เดือน/ครั้ง
- รถบรรทุก รถยนต์ใช้งานเฉพาะกิจ รถหัวลาก รถพ่วง รถกึ่งพ่วงที่ได้รับการดัดแปลง:
- ครั้งแรก: 12 เดือน
- ครั้งต่อไป: 6 เดือน
- รถบรรทุก รถหัวลากที่ผลิตมากกว่า 20 ปี: รอบการตรวจสภาพรถคือ 3 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ: เวลาที่ผลิตรถจะนับจากปีที่ผลิตที่ระบุไว้ในใบรับรองการจดทะเบียนรถ เจ้าของรถควรทราบระยะเวลาการตรวจสภาพรถบรรทุก ของตนเองเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงการถูกปรับเมื่อเข้าร่วมการจราจร
ขั้นตอนการตรวจสภาพรถบรรทุกโดยละเอียด
เพื่อให้กระบวนการตรวจสภาพรถบรรทุก เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว คุณต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. เตรียมเอกสาร:
- เอกสารรถ:
- ใบจดทะเบียนรถฉบับจริง หรือสำเนาที่รับรองถูกต้อง (กรณีจำนองกับธนาคาร)
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (ฉบับจริง)
- ใบรับรองประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ฉบับจริงที่ยังมีผลบังคับใช้)
- เอกสารเจ้าของรถ:
- บัตรประจำตัวประชาชน/บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ (ฉบับจริง)
- หนังสือแนะนำจากหน่วยงาน องค์กร (กรณีรถเป็นของหน่วยงาน องค์กร)
2. นำรถไปที่ศูนย์ตรวจสภาพรถ:
- เลือกศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์ที่ยังเปิดทำการและมีหน้าที่ตรวจสภาพรถบรรทุก คุณสามารถค้นหารายชื่อศูนย์ตรวจสภาพรถได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด
- นำรถไปที่ศูนย์ตรวจสภาพรถในเวลาทำการ
3. ยื่นเอกสารและรอการตรวจสอบ:
- ยื่นเอกสารที่เตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถ
- รอตามลำดับการตรวจสภาพรถ ในระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถจะดำเนินการตรวจสอบรายการต่อไปนี้:
- ตรวจสภาพทั่วไป: ตรวจสอบข้อมูลรถ หมายเลขตัวถัง หมายเลขเครื่อง สภาพภายนอก (ตัวถัง กระจก ไฟ สัญญาณแตร ที่ปัดน้ำฝน…)
- ตรวจสอบระบบ: ระบบเบรก (เบรกหลัก เบรกมือ) ระบบบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือน ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณ ยางรถยนต์ การปล่อยก๊าซ เสียงดัง…
- ตรวจสอบอื่นๆ: อุปกรณ์ความปลอดภัย (เข็มขัดนิรภัย ถังดับเพลิง…) กระบะท้าย (สำหรับรถบรรทุกกระบะ)…
4. แก้ไขข้อผิดพลาด (ถ้ามี):
- หากรถไม่ผ่านมาตรฐานในรายการใดรายการหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถจะแจ้งข้อผิดพลาดและขอให้เจ้าของรถแก้ไข
- เจ้าของรถต้องนำรถไปซ่อมแซม บำรุงรักษาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่ระบุไว้
- หลังจากแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว เจ้าของรถต้องนำรถกลับไปที่ศูนย์ตรวจสภาพรถเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง (ตรวจสภาพรถซ้ำ)
5. ชำระค่าธรรมเนียมและรับใบรับรอง:
- ถ้ารถผ่านมาตรฐาน เจ้าของรถชำระค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถและค่าธรรมเนียมการออกใบรับรอง
- รับใบรับรองการตรวจสภาพรถและสติกเกอร์ตรวจสภาพรถ สติกเกอร์ตรวจสภาพรถจะติดไว้ที่กระจกบังลมด้านหน้ารถ
6. ชำระค่าธรรมเนียมบำรุงรักษาสภาพถนน (ถ้าถึงกำหนด):
- ที่ศูนย์ตรวจสภาพรถ เจ้าของรถยังสามารถชำระค่าธรรมเนียมบำรุงรักษาสภาพถนนได้หากถึงกำหนดชำระ
ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถบรรทุก
ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถบรรทุก กำหนดโดยกระทรวงคมนาคม และแตกต่างกันไปตามประเภทยานพาหนะและน้ำหนักบรรทุก ด้านล่างนี้คือตารางค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถบรรทุกล่าสุด (อ้างอิงจากประกาศกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 55/2565):
ลำดับ | ประเภทยานยนต์ที่ตรวจสภาพ | อัตราค่าธรรมเนียมที่ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 ตามประกาศกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 55/2565 |
---|---|---|
1 | รถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรวมบรรทุกที่อนุญาตเมื่อเข้าร่วมการจราจรตั้งแต่ 20 ตันขึ้นไป และรถยนต์ใช้งานเฉพาะกิจทุกประเภท | 570,000 บาท |
2 | รถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรวมบรรทุกที่อนุญาตให้เข้าร่วมการจราจรตั้งแต่ 7 ตัน แต่ไม่เกิน 20 ตัน รถหัวลากที่มีน้ำหนักลากจูงถึง 20 ตัน และรถแทรกเตอร์ทุกประเภท | 360,000 บาท |
3 | รถยนต์ที่มีน้ำหนักรวมบรรทุกที่อนุญาตให้เข้าร่วมการจราจรตั้งแต่ 2 ตัน แต่ไม่เกิน 7 ตัน | 330,000 บาท |
4 | รถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรวมบรรทุกที่อนุญาตให้เข้าร่วมการจราจรไม่เกิน 2 ตัน | 290,000 บาท |
5 | รถพ่วง รถกึ่งพ่วง | 190,000 บาท |
6 | รถยนต์โดยสารเกิน 40 ที่นั่ง รถโดยสาร | 360,000 บาท |
7 | รถยนต์โดยสารตั้งแต่ 25 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 40 ที่นั่ง | 330,000 บาท |
8 | รถยนต์โดยสารตั้งแต่ 10 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 24 ที่นั่ง | 290,000 บาท |
9 | รถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 ที่นั่ง รถพยาบาล | 250,000 บาท |
หมายเหตุ: นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถ เจ้าของรถยังต้องชำระค่าธรรมเนียมการออกใบรับรองการตรวจสภาพรถเพิ่มเติม (ประมาณ 40,000 บาท) และค่าธรรมเนียมบำรุงรักษาสภาพถนน (ถ้าถึงกำหนด)
ผลกระทบเมื่อไม่ตรวจสภาพรถบรรทุกตามกำหนด
การไม่ดำเนินการตรวจสภาพรถบรรทุก หรือปล่อยให้เกินกำหนดการตรวจสภาพรถ จะนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง:
- ถูกปรับทางปกครอง: ตามข้อกำหนดปัจจุบัน รถที่เกินกำหนดการตรวจสภาพรถจะถูกปรับเป็นเงิน ค่าปรับขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เกินกำหนด อาจมีตั้งแต่ 3 ล้านถึง 16 ล้านดอง
- ถูกยึดยานพาหนะ: ในกรณีที่ละเมิดร้ายแรง รถอาจถูกยึดเพื่อดำเนินการ
- ไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกันภัย: หากเกิดอุบัติเหตุเมื่อรถไม่มีใบรับรองการตรวจสภาพรถ หรือหมดอายุ บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการชดเชย
- ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการจราจร: รถที่ไม่ได้รับการตรวจสภาพรถเป็นประจำ อาจมีความเสี่ยงมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางเทคนิค เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้เข้าร่วมการจราจรอื่นๆ
คำแนะนำ: เจ้าของรถควรติดตามระยะเวลาการตรวจสภาพรถบรรทุก และดำเนินการตรวจสภาพรถตามกำหนด การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังรับประกันความปลอดภัยสำหรับตนเองและสังคม พร้อมทั้งช่วยให้รถทำงานได้อย่างราบรื่นและทนทานยิ่งขึ้น
Xe Tải Mỹ Đình หวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คุณอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถบรรทุก หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม
>> ดูเพิ่มเติม: รุ่นรถบรรทุกพื้นเรียบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน